ดำน้ำ ดูนก เดินป่า

ศูนย์นิทรรศการและสื่อต่าง ๆ

อุทยานฯหมู่เกาะสุรินทร์ มีศูนย์นิทรรศการและสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางทะเล ดีที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย มีข้อมูลให้ความรู้หลากหลาย เช่น ประวัติของหมู่เกาะ ชาวเล สิ่งมีชีวิตใต้น้ำ พร้อมทั้งฉลามวาฬ...ปลาใหญ่ที่สุดในโลก มีแบบจำลองลอยเคว้งคว้างอยู่กลางโรงอาหาร

การเข้าชมศูนย์นิทรรศการให้สนุก่ต้องให้เวลา เพ่งแล้วเพ่งอีก พิศให้เยอะๆ ลองอ่านข้อมูลให้ละเอียด ที่นี่มีโมเดลแสดงภาพเกาะขนาดใหญ่ ไปดูสิว่าอ่าวไหนเป็นอย่างไร แนวปะการังริมฝั่งอยู่ตรงไหน จากนั้นลองไปเปิดบอร์ดดูปลาดูหอย ที่นั่นมีบอร์ด โชว์ภาพปลาต่างๆ มีคำอธิบายอ่านสนุก แล้วไปดูเรือ อ่านเรื่องชาวเล ชมเปลือกหอยมือเสือยักษ์ ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย ไปที่โรงอาหาร มองดูฉลามวาฬ อ่านข้อมูล ดูป้ายฉลามวาฬที่ติดไว้ มีรายละเอียดเยอะแยะ ที่นี่มีตำนานว่า อธิษฐานใต้ฉลามวาฬ สามครั้งรวดแล้วพรุ่งนี้ลงทะเลได้เจอตัวจริงเลยอยากเห็นแมนต้าเหมือนในภาพ นั่นต้องไปกับทริป Sea Papa Version Manta Forever

เมื่อเย็นย่ำตะวันตกดิน เรามุ่งหน้าไปกินข้าวอร่อยอ้ำๆเลย หลังจากนั้นประมาณสองทุ่ม อุทยานฯจะเปิดวิดีโอให้ชม (ถ้าไม่เปิด ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ครับ) วิดีโอชุดนี้จัดทำโดย Panorama ทีมงานมืออาชีพ ทำขึ้นสำหรับเกาะสุรินทร์โดยเฉพาะ รับรองว่าเด็ดมาก ดูกันเกือบชั่วโมงไม่มีเบื่อ แถมยังมีรายละเอียดเยอะแยะ รวมทั้งปัญหาต่างๆที่เกิดกับหมู่เกาะสุรินทร์ ใครสนใจวิดีโอชุดนี้ มีจำหน่ายที่เกาะ รวมทั้งมีขายที่ Panorama ด้วยครับ

แถวนั้นยังมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว รับจองบ้านพัก มีรายละเอียดค่าเช่าอุปกรณ์ดำน้ำ เรือไปเที่ยว ชูชีพ ฯลฯ ขึ้นป้ายใหญ่โตเห็นชัด มีบัตรโทรศัพท์ขาย สามารถใช้โทรศัพท์รายงานตัวกับคนทางบ้านได้ยังมีสิ่งละอันพันละน้อย เช่น น้ำดื่ม น้ำขวด ของขบเคี้ยว ฯลฯ

#ดำน้ำลึกแบบ SCUBA Diving

รอบหมู่เกาะสุรินทร์มีจุดดำน้ำแบบ SCUBA หลายแห่ง แต่ทางอุทยานฯไม่มีบริการด้านอุปกรณ์หรือการอัดอากาศ แนะนำให้ติดต่อเรือทัวร์ดำน้ำและนำอุปกรณ์มาเองทั้งหมด

จุดดำน้ำหลายแห่ง เช่น ทักษิณหรรษา...ดงปะการังอ่อนสวยที่สุดของเกาะ อ่าวผักกาด...จุดดำน้ำแบบ Night Dive ดีที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย กัลปังหายักษ์...จุดที่พบกัลปังหารูปพัดต้นใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดในเมืองไทย ร่องเกาะตอรินลา...จุดดำน้ำแห่งความหลากหลาย พบสัตว์ได้ทุกประเภท หินราบ...กองหินโผล่พ้นน้ำทางเหนือเกาะ จุดสุดยอดสำหรับคนชอบทาก

จุดเด่นของการดำน้ำลึกที่นี่ ไม่เหมือนที่ไหนแน่นอน คุณอาจไม่ได้เห็นดงปะการังอ่อนแสนสวยเหมือนสิมิลัน ไม่ได้เจอฉลามวาฬว่ายผ่านมาบ่อยๆเหมือนริเชลิว แต่ที่นี่มีปลาหลากหลาย มากมายจนใครเจอแล้วต้องหนาว สำหรับปีนี้ พ.ศ.2544 มีรายงานการเจอปลานโปเลียนยาวเกือบ 2 เมตร คน รักษ์ฉลามวาฬเพิ่งไป นอกจากนี้ ยังมีปลาประหลาด เช่น ฝูงนกแก้วหัวโหนก สำหรับปลาสวยงาม ไม่ต้องพูดถึง มีเยอะแยะลานตาไปหมด

ข้อดีของการดำน้ำที่หมู่เกาะสุรินทร์ คือเราได้เห็นปะการังเยอะแยะ แม้น้ำจะขุ่นนิดหน่อย แต่บางครั้งก็ใสแจ๋ว ใครชอบดำน้ำกลางคืน อาจชอบเกาะสุรินทร์เป็นพิเศษ โดยเฉพาะแนวปะการังอ่าวผักกาดและร่องเกาะตอรินลา (ระวัง!!! ก่อนดำน้ำควรดูกระแสน้ำและคลื่นลม) ใครสนใจรายละเอียดมากกว่านี้ เชิญดูในแผนที่ เรามีรายละเอียดจุดดำน้ำ ข้อควรระวัง อันตราย สัตว์ที่พบ ฯลฯ บอกไว้เรียบร้อยแล้วครับ แค่เอาเม้าส์เลื่อนไปใกล้ๆ รับรองโป๊ะเชะ สงสัยตรงไหน ถามได้เลยครับ

การดำน้ำที่เกาะสุรินทร์ บางครั้งค่าใช้จ่ายไม่มากนัก หากนอนบนเกาะ ใช้เรือทัวร์วิ่งวนแบบไปเช้าเย็นกลับมานอน อาจไปได้ไกลถึงเกาะตาชัยและริเชลิว

ดำน้ำตื้นแบบ Snorkelling

มากกว่าร้อยละ 90 ของนักท่องเที่ยวที่มาเกาะสุรินทร์ ประกอบกิจกรรมดำน้ำแบบ Snorkelling (ข้อมูลในพ.ศ.2538)

การดำน้ำแบบ Snorkelling ทำได้ง่ายมากที่เกาะสุรินทร์ เริ่มจากคุณเข้าไปติดต่อขอเช่ายืมอุปกรณ์ (หน้ากาก เสื้อชูชีพ) จากเจ้าหน้าที่ ลองใช้เวลาช่วงบ่าย สักหนึ่งถึงสองชั่วโมง ฝึกฝนการดำน้ำที่ อ่าวช่องขาด ลองชื่นชมกับปลาการ์ตูนที่มีมากกว่า 550 ตัวในบริเวณนั้น เสร็จแล้วอย่าลืมจองเรือหางยาวสำหรับการไปดำน้ำในวันรุ่งขึ้น

เมื่อแดดส่องฟ้า เดินทางไป อ่าวเต่า...จุดที่พบเต่ากระบ่อยที่สุดของเมืองไทย ชื่นชมกับเต่ากระผู้น่ารัก และสัตว์ทะเลนานาชนิด ช่วงบ่ายอาจลองเปลี่ยนไปดำน้ำที่ อ่าวผักกาด จุดที่มีปะการังหลากหลาย ปลานกแก้วมากมาย และปลาสินสมุทรไม่ต่ำกว่า 6 ชนิด

หากยังหลงการดำน้ำ วันต่อมาให้ไป อ่าวจาก แม้ระยะทางจะไกล (นั่งเรือ 45 นาที เที่ยวเดียว) แต่ปะการัง และสัตว์แถวนี้มีคนมารบกวนน้อยมาก ปลาอาจว่ายมาจนใกล้ ในช่วงบ่ายอาจลองไป อ่าวสุเทพ จุดดำน้ำที่พบสัตว์เกือบทุกชนิด แม้กระทั่งฉลามเสือดาว (ไม่มีอันตรายเพราะเขากินหอยเป็นอาหาร)

ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย อาจลองเดินป่าไปดำน้ำที่ หาดไม้งาม ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร มีแนวปะการังน้ำตื้นกว้างใหญ่ปลอดภัย ไม่ต้องเสียเงินค่าเช่าเรือหางยาวด้วยครับ

ติดต่อเจ้าหน้าที่ประจำเรือหางยาว (มีลำละ 2 คน) ทุกคนผ่านการอบรม และทราบเรื่องราวเกี่ยวกับโลกสีครามเป็นอย่างดี สามารถดูแลให้ปลอดภัย ช่วยในกรณีฉุกเฉิน และสนุกกับทริปดำน้ำ

แต่ควรต้องให้เวลาในการฝึกฝน เพื่อความปลอดภัย ของทั้งคุณทั้งเพื่อนใต้น้ำสุดน่ารัก การฝึกทำไม่ยากครับ เริ่มจากไปบอกคุณเจ้าหน้าที่ ยิ้มหวานๆหน่อยแล้วเกริ่นเสียงนุ่ม ดำน้ำไม่เป็นค่ะ...พี่เบิ้ม...ช่วยสอนหน่อยนะคะ คุณผู้ชายก็ไม่ต้องเขินนะครับ ไม่มีใครดำน้ำเป็นมาแต่กำเนิดแน่

ถ้าเจ้าหน้าที่เค้าว่าง (ปรกติอาจต้องรอสักนิด) จะสอนคุณใส่หน้ากากและชูชีพ แนะนำให้ปรับทุกอย่างเหมาะสม ลองไปดูที่อ่าวช่องขาดหน้าที่พัก น้ำเรียบมั้ย? มีกระแสน้ำมั้ย? ไม่แน่ใจก็ถามคุณเจ้าหน้าที่ซ้ำ จากนั้นค่อยลงดำน้ำวนเวียน เริ่มจากพื้นทรายก่อน ก้มหน้าหายใจทางปากให้สบาย ตรวจดูว่ามีเส้นผมเข้าไปในหน้ากากมั้ย ไม่งั้นน้ำจะซึมเข้าไปเรื่อยๆ เมื่อแน่ใจว่าทรงตัวได้ ค่อยลอยไปจนถึงแนวปะการัง ดูผ่านๆ สักเดี๋ยว จนรู้สึกว่าเราโอเคแล้ว ค่อยเริ่มดูสัตว์อย่างใกล้ชิด เช่น ปลาการ์ตูน หอยมือเสือ ฯลฯ เมื่อชำนาญแล้ว ค่อยไปดำน้ำที่อื่นต่อ

ดูนก...เดินป่า...เส้นทางสู่หาดไม้งาม

จากอุทยานฯ ถึงหาดไม้งามระยะทาง 2,000 เมตร นี่คือเส้นทางศึกษาระบบนิเวศป่าบนเกาะ ดีที่สุดแห่งหนึ่งในไทย ตลอดเส้นทาง มีป้ายให้รายละเอียดที่น่าสนใจ เริ่มจากหาดตะวันตกดิน จุดที่สามารถเห็นพระอาทิตย์ตกทะเลอย่างชัดเจน ตามด้วยต้นกระทิงใหญ่ที่สุดในเมืองไทย และป่าชายหาดที่ยังสมบูรณ์ มีทั้งหูกวาง จิกทะเล และเตยทะเล

เมื่อผ่านเกินครึ่งของเส้นทาง เข้ามาในเขตพื้นที่ชุ่มน้ำและป่าชายเลน ก่อนวกขึ้นเขาถึงต้นไทรหลายต้น มีสัตว์ป่า เช่น ลิง กระรอก โดยเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ไทรเหล่านี้จะออกผลเกือบเต็มต้น ลองซุ่มดูแบบเงียบๆ คุณอาจเห็นนกหลายชนิดมารวมตัวกันจิกกินลูกไทร

ก่อนสิ้นสุดเส้นทางเป็นดงเฟิร์นและหวาย เมื่อคุณผ่านพุ่มไม้สุดท้าย หาดสีขาวน้ำสีครามรออยู่เบื้องหน้า หาดไม้งามเป็นจุดดำน้ำแบบ Snorkelling ที่ดีมาก หลายคนอาจลองลงไปชื่นชมความงามใต้ทะเล

เส้นทางเดินสู่หาดไม้งาม เปิดโอกาสให้คุณได้ชื่นชมสองสุดยอดระบบนิเวศ... ป่าดิบชื้นและแนวปะการัง... ภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง อีกทั้งยังปลอดภัยเหมาะสำหรับคนทุกเพศวัย ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นอกเหนือไปจากค่าเช่าอุปกรณ์ดำน้ำ

แต่ที่นิยมในปัจจุบันจะเดินตอนบ่ายสี่โมง ไปจนถึงหาดพระอาทิตย์ตกดิน ใช้เวลาเดินสามสิบนาทีไม่น่าเกิน จากนั้นชมหาดชมตะวัน แต่ต้องติดไฟฉายไป เดินกลับมาถึงที่พัก อาหารที่อุทยานฯเสิร์ฟเป็นเวลา

ชาวเลเผ่ามอแกน...กลุ่มสุดท้ายของเมืองไทย

ชาวเลเผ่ามอแกน เป็นชนกลุ่มน้อยในอันดามัน อาศัยอยู่ตามชายฝั่งจากประเทศอินเดียถึงประเทศอินโดนีเซีย ช่วงหน้ามรสุมจะอาศัยบนเรือที่เปรียบเสมือนบ้าน ถึงเดือนธันวาคม-เมษายน จะเปลี่ยนมาอาศัยบนบก พวกเขาไม่มีภาษาเขียน แต่พูดยาวีและไทยได้บ้าง
ปัจจุบันชาวเลอาศัยอยู่บริเวณหมู่บ้านในเกาะสุรินทร์เหนือ ใครสนใจดูชีวิตและประเพณีดั้งเดิม โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม อย่าพยายามรบกวนวิถีแห่งชาวเล ด้วยการให้เงิน ขนม บุหรี่ หรือซื้อหอยและสัตว์ทะเล ถ้าคุณอยากช่วย...อาจอุดหนุนซื้อของพื้นเมืองที่จัดทำขึ้นโดยชาวเล (โดยกองทุนสนับสนุนชาวเล) ของที่พวกเขาขายมีเยอะ ลองถามเจ้าหน้าที่ดูได้
ตอนนี้ที่เกาะสุรินทร์ มีชาวเลอยู่ประมาณ 160 คน อุทยานฯจ้างชาวเลบางส่วนมาทำงานให้ ยังมีการศึกษาของ UNESCO เกี่ยวกับการอยู่ร่วมระหว่างชาวเลกับธรรมชาติเกาะสุรินทร์อย่างยั่งยืน เช่น ชาวเลจับสัตว์บางชนิดได้ แต่เพื่อการยังชีพ ไม่สามารถจับปลิงทะเลหรือกุ้งมังกรมาขาย เพราะตอนนี้สถานการณ์ของสัตว์ทั้งสองกลุ่มน่าเป็นห่วง ถ้าอยากรู้เรื่องชาวเลมากขึ้น เราจะนำเสนอโครงการ UNESCO เป็นภาษาอังกฤษ ภายในอีกไม่ช้าไม่นานนี้